Movie Review and Storyline: The Spy Who Dumped Me (2018)

รีวิวหนัง The Spy Who Dumped Me (2018) 2 สปาย สวมรอยข้ามโลก

Movie Review and Storyline: The Spy Who Dumped Me (2018)

ข้อมูลหนัง

ประเภทหนัง:  ตลก, ผจญภัย, สายลับ และแอคชัน

ผู้กำกับ:  Susanna Fogel

นักเขียน:  Susanna Fogel และ David Iserson

นักแสดงนำ:  Justin Theroux, Kate McKinnon และ Blanka Györfi-Tóth

เรื่องย่อ

The Spy Who Dumped Me (2018) 2 สปาย สวมรอยข้ามโลก เรื่องราวเกิดขึ้นในลอสแองเจลิส ออเดรย์ สต็อกแมน พนักงานแคชเชียร์ผู้ซึ่งชีวิตดูเรียบง่ายและไร้สีสัน ใช้วันเกิดของเธอด้วยความผิดหวังและเสียใจ เมื่อดรูว์ แฟนหนุ่มของเธอที่เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้าง ทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี ในช่วงเวลาที่เธอตกอยู่ในความเศร้า มอร์แกน ฟรีแมน เพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมห้องผู้สดใสและมองโลกในแง่ดี พยายามปลอบใจเธอด้วยแผนการที่แปลกใหม่ เช่น การเผาข้าวของของดรูว์เพื่อระบายความโกรธ และแม้จะชวนให้ออเดรย์ส่งข้อความเตือนเขาล่วงหน้าก่อนทำลายข้าวของ แต่สิ่งที่ออเดรย์ไม่รู้เลยก็คือ ชีวิตของดรูว์นั้นเต็มไปด้วยอันตราย เขาไม่ใช่แค่ชายธรรมดา แต่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองกลาง (CIA) ที่กำลังถูกไล่ล่าโดยศัตรูที่ต้องการเอาชีวิต เขาได้ส่งข้อความถึงออเดรย์เพื่อขอร้องไม่ให้เธอเผาของของเขา พร้อมคำสัญญาว่าจะกลับมา รับชมหนังฟรี 2024 เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ภาพคมชัด ระดับ HD ได้แล้ววันนี้

 

ในที่ทำงาน ออเดรย์พบกับชายลึกลับที่เข้ามาจีบเธอและขอให้เธอเดินไปส่งที่รถ ทว่าชายคนนั้นกลับถูกบังคับให้ขึ้นรถตู้ก่อนจะเผยตัวว่าคือเซบาสเตียน เฮนชอว์ เจ้าหน้าที่ CIA อีกคน เขาแจ้งข่าวช็อกแก่ออเดรย์ว่า ดรูว์ได้หายตัวไป และขอข้อมูลเพิ่มเติมจากเธอ ออเดรย์ปฏิเสธว่าไม่ได้รับข่าวคราวจากดรูว์ และในที่สุดก็ถูกปล่อยตัวไป เมื่อดรูว์ปรากฏตัวเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัว รวมถึงถ้วยรางวัลฟุตบอลแฟนตาซีที่ดูเหมือนไร้ค่า ออเดรย์ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มคนร้าย ดรูว์ขอร้องให้เธอช่วยนำถ้วยรางวัลไปส่งที่ร้านกาแฟในเวียนนา หากเขาเสียชีวิต หลังจากนั้น ดรูว์ก็ถูกยิงเสียชีวิตโดยชายลึกลับที่มอร์แกนพากลับบ้านจากบาร์ ออเดรย์ในสภาพตกใจผลักชายคนนั้นตกลงจากระเบียงไป

 

มอร์แกนเกลี้ยกล่อมให้ออเดรย์เดินทางไปเวียนนาเพื่อทำภารกิจตามคำขอของดรูว์ เมื่อถึงร้านกาแฟ เซบาสเตียนปรากฏตัวขึ้นพร้อมอาวุธเพื่อเรียกร้องถ้วยรางวัล แต่สถานการณ์กลับพลิกผันเมื่อกลุ่มคนร้ายโจมตีทั้งร้าน ออเดรย์และมอร์แกนหนีรอดมาได้ แต่ไม่วายถูกไล่ล่าอย่างหนัก ออเดรย์เผยว่าเธอได้สับเปลี่ยนถ้วยรางวัลตัวจริงกับของปลอมที่พวกเธอซื้อมา ก่อนจะพบว่าในถ้วยรางวัลนั้นซ่อน USB ที่มีข้อมูลสำคัญไว้ พวกเธอตัดสินใจเดินทางต่อไปยังปรากตามคำแนะนำของพ่อแม่มอร์แกน เมื่อมาถึงปราก พวกเธอค้นพบว่า โรเจอร์ เพื่อนของครอบครัวมอร์แกนนั้นเป็นสายลับที่ทรยศและพยายามวางยาพิษพวกเธอ ในสถานการณ์คับขัน ออเดรย์โกหกว่าทิ้ง USB ลงชักโครกเพื่อถ่วงเวลา ทั้งคู่ตื่นขึ้นมาในศูนย์ยิมนาสติกร้างและเผชิญหน้ากับนักฆ่าชาวรัสเซีย นาเดจดา ก่อนที่เซบาสเตียนจะมาช่วยพวกเธอ แม้จะฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เขาพาพวกเธอไปยังปารีสเพื่อรายงานสถานการณ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ

 

ขณะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปที่อัมสเตอร์ดัม พวกเธอถูกโจมตีอีกครั้งโดยดัฟเฟอร์ เจ้าหน้าที่ CIA ที่ทรยศและหวังจะขาย USB เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว สุดท้ายออเดรย์ตัดสินใจแฝงตัวเข้าร่วมงานปาร์ตี้ในเบอร์ลินเพื่อส่งมอบ USB ให้กับผู้ติดต่อลึกลับ เหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อดรูว์ปรากฏตัวอีกครั้งและเปิดเผยแผนการที่ซับซ้อนว่าเขากำลังทรยศ CIA เซบาสเตียนถูกจับเป็นตัวประกัน และ พ่อแม่ ปลอมของดรูว์เข้ามาร่วมวงในศึกชิง USB ครั้งสุดท้าย ออเดรย์ใช้ไหวพริบเอาชนะดรูว์ และร่วมมือกับมอร์แกนและเซบาสเตียนในการกำจัดเหล่าศัตรูทั้งหมด พวกเธอสามารถหนีรอดไปได้พร้อมข้อมูลสำคัญที่ช่วยเปิดโปงการกระทำผิดกฎหมายของกลุ่มองค์กรลับ หนึ่งปีต่อมา ออเดรย์และเซบาสเตียนกลับมาในฐานะคู่หูสายลับมืออาชีพ ภารกิจใหม่พาทั้งคู่มายังโตเกียว ซึ่งในวันเกิดของออเดรย์ พวกเขาแฝงตัวเข้าไปในงานปาร์ตี้ของแก๊งยากูซ่า การผจญภัยครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับความสัมพันธ์ที่มั่นคงและเต็มไปด้วยความท้าทายของพวกเขา

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์

Mila Kunis และ Kate McKinnon การจับคู่ของสองนักแสดงหญิงที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวในภาพยนตร์ตลกแอ็กชั่นเรท R เรื่องนี้ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ The Spy Who Dumped Me (2018) 2 สปาย สวมรอยข้ามโลกดูน่าสนใจในสายตาผู้ชมตั้งแต่แรกเห็น ด้วยสไตล์การแสดงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน Kunis ถ่ายทอดบทบาทของหญิงสาวที่ฉลาดและมีความจริงจังในตัวเอง ขณะที่ McKinnon พุ่งทะยานด้วยความกล้าหาญและเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน การจับคู่ที่ดูไม่น่าจะไปด้วยกันได้ กลับกลายเป็นจุดเด่นที่สร้างเคมีที่เข้มข้นระหว่างสองตัวละครหลักในภาพยนตร์ ปัญหาโครงสร้างของหนัง The Spy Who Dumped Me เป็นการผสมผสานที่ชัดเจนระหว่างความตลกขบขันและฉากแอ็กชั่น แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกติดขัดคือความไม่สมดุลระหว่างสององค์ประกอบนี้ ผู้กำกับและผู้เขียนบทอย่างซูซานนา โฟเกลพยายามเลียนแบบหนังสายลับตลกแนวล้อเลียน แต่กลับไม่สามารถสร้างความกลมกลืนระหว่างฉากที่ตลกขบขันกับความรุนแรงที่มักจะดูเกินจริงได้ ความรุนแรงในภาพยนตร์เรื่องนี้ดูเหมือนจะเกินพอดี จนทำให้บางครั้งรู้สึกไม่เข้ากับโทนเรื่อง

 

โครงเรื่องและการเดินทางรอบโลก Kunis และ McKinnon รับบทเป็นออเดรย์และมอร์แกน เพื่อนสนิทที่เผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อแฟนหนุ่มของออเดรย์ ทิ้งเธอไปพร้อมกับเปิดเผยตัวตนว่าเขาคือสายลับ CIA การเดินทางที่นำพาพวกเธอจากลอสแองเจลิสไปยังเวียนนา ปราก ปารีส และเบอร์ลิน เพื่อส่งมอบ ถ้วยรางวัล ที่ซ่อนความลับสำคัญ กลายเป็นการผจญภัยที่เต็มไปด้วยอันตราย ความฮา และความสับสน การที่สองสาวธรรมดาต้องเผชิญกับสถานการณ์สายลับสุดโกลาหลในต่างแดน ทำให้เรื่องราวมีจุดขายที่น่าสนใจ แต่เนื้อเรื่องที่ยืดยาวเกินไปและมุกตลกที่ซ้ำซากบางครั้งก็ทำให้ความสนุกลดลง

 

จุดแข็งของภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถถ่ายทอดธีมพื้นฐานของมิตรภาพระหว่างผู้หญิงได้อย่างน่าสนใจ การสนับสนุนซึ่งกันและกันท่ามกลางความยากลำบากเป็นประเด็นสำคัญที่ช่วยเพิ่มความลึกซึ้งให้กับตัวละคร นอกจากนี้ ฉากแอ็กชั่นบางฉากยังเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เช่น การใช้เชือกกายกรรมในเบอร์ลินที่สร้างความตื่นเต้นพร้อมเสียงหัวเราะ จุดอ่อนที่สำคัญ แม้จะมีความพยายามในการสร้างตัวละครที่โดดเด่น แต่บทภาพยนตร์กลับไม่ช่วยเสริมให้ตัวละครมีมิติที่ลึกซึ้งพอ โดยเฉพาะ McKinnon แม้จะสามารถถ่ายทอดบทบาทที่มีอารมณ์ขันและความแปลกได้อย่างยอดเยี่ยม แต่การขาดพัฒนาการของตัวละครทำให้บทบาทของเธอเริ่มรู้สึกซ้ำซาก เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นใน Ghostbusters และ Rough Night

 

นักแสดงสมทบและการดำเนินเรื่อง นักแสดงสมทบหลายคน เช่น Gillian Anderson และ Ivanna Sakhno มีบทบาทที่น่าสนใจ แต่ไม่ได้รับการพัฒนาให้เด่นชัดพอ Anderson ในบทหัวหน้า MI6 มีเสน่ห์ แต่รู้สึกเหมือนเป็นตัวละครที่ยังไม่ได้พัฒนาสมบูรณ์ เช่นเดียวกับบทนักฆ่าชาวรัสเซียของ Sakhno ที่มีการออกแบบตัวละครที่น่าจดจำ แต่ไม่ถูกใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ข้อสรุป The Spy Who Dumped Me เป็นภาพยนตร์ที่มีศักยภาพในการเป็นหนังตลกแอ็กชั่นที่ยอดเยี่ยม แต่กลับสะดุดในเรื่องความสมดุลของโทนเรื่องและพัฒนาการตัวละคร แม้จะมีช่วงเวลาที่ตลกและฉากแอ็กชั่นที่น่าตื่นเต้น แต่การขาดความชัดเจนในแนวทางของเรื่องทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การแสดงของ Kunis และ McKinnon ยังคงเป็นจุดเด่นที่ช่วยพยุงหนังเรื่องนี้ไว้ได้ในระดับหนึ่ง ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ mvhd24.com โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก ได้แล้ววันนี้

 

#TheSpyWhDumpedMe  #2สปายสวมรอยข้ามโลก  #หนังฟรี 2024  #mvhd24  #รีวิวหนัง  #MovieReview  #MovieSpoilers

 

กลับด้านบน
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15

Comments on “Movie Review and Storyline: The Spy Who Dumped Me (2018)”

Leave a Reply

Gravatar